งานพาร์ตไทม์ ที่หล่อนทำวันเสาร์ และอาทิตย์ ผ่านไปด้วยดี ในตอนเช้าหล่อนเจอเขาเหมือนเดิม ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งอาทิตย์ หญิงสาวเริ่มเคยชิน และ เขาก็คงเคยชินเช่นกันเมื่อมาถึง หล่อนเห็นเขามารอที่หน้าประตูรั้วสีขาว จุดเดิม... หล่อนเห็นเขาอยู่ในเสื้อลำลองแขนสั้น กางเกงยีนขายาว เขายืนกอดอกมองหล่อนเดินมาแต่ไกล เมื่อเดินมาใกล้ร่างสูงใหญ่ของเขา
หญิงสาวเห็นแววตาคมของเขามองหล่อนอย่างไม่กะพริบตา ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกยินดียินร้ายที่เห็นหล่อน... ภัคธีมาพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แม้จะไม่กล้าสบสายตาของเขาสักเท่าไหร่ ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยแววตาของเขา หล่อนรู้สึกแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่บ่งบอกว่าเขาไม่ได้พอใจหล่อนเท่าไหร่นัก...
“สวัสดีค่ะ” หล่อนทักทาย ตามมารยาทเช่นเคย
“สวัสดีครับ คุณภัคธีมา” เขาเรียกชื่อจริงของหล่อน ในท่าทีที่ห่างเหิน ถึงกระนั้นเขายังยืนในท่ากอดอกมองหล่อน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเปิดฉากสนทนาก่อน...
“คุณมาที่นี่ มาหาผม หรือว่ามาหาภูษิต?”
“ฉันก็มาตามปกติเหมือนทุกวัน เพื่อเป็นหลักประกันว่าไม่หนี จนกว่าจะใช้หนี้ให้คุณหมด”
หล่อนตอบตามความจริง
“ถ้าจะให้เดา คุณอยากใช้มารยาทำให้ภูษิตหลง หาทางหมั้นกับคุณ เพื่อลบล้างหนี้ที่ติดค้างไว้”
“คุณกำลังพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
หล่อนเริ่มรู้สึกงงกับคำพูดของเขา และ รู้ว่าเขากำลังสบประมาท ใบหน้าของหล่อนชาขึ้น ทันที... เขาเดินมาขวางหล่อน ไม่ใส่ใจกับอาการของหล่อน
“ผมไม่แน่ใจว่าคุณแกล้งไม่รู้ หรือว่า ไม่รู้จริงๆ เมื่อคืนภูษิต บอกว่าเขาต้องการคบกับคุณก่อน และ จะขอคุณแต่งงาน งานหมั้นจะไม่มีสินสอดและถือว่าหนี้ที่คุณติดค้างลบล้างกันไป”
“ฉันไม่ทราบเรื่องที่คุณพูดมา เพราะคุณภูษิตไม่ได้บอกฉันไว้ มันอาจจะเป็นการตัดสินใจของเขาคนเดียว” หล่อนพยายามข่มอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง
“เพราะมันหลงคุณ อยากจะเซอร์ไพรส์คุณ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ คุณไปสนิทกับน้องชายผม ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เขาคาดคั้นหล่อนแววตา แข็งกร้าว ขึ้นเสียงจริงจัง เมื่อเห็นว่าภูษิตตั้งหน้าตั้งตา เดินหน้าคบหากับหล่อนอย่างไม่คิดถอย และ คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนมากที่สุดก็คือ คุณนายอมร
‘ยังไงเราก็ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้ตาษิตคบกับนังพลอยนั่น! แม่ไม่มีทางยอมให้ภูษิตตกลงปลงใจ กับ นังโจรนั่นเป็นอันขาด’
“ฉันไม่ได้แอบคบหากับน้องชายของคุณ อย่างที่คุณเข้าใจ” หญิงสาวเริ่มไม่พอใจ เพราะรู้ว่าเขาเข้าใจผิด
“ผมไม่ควรจะเชื่อคุณ”
“ถ้างั้น ฉันก็ไม่มีอะไรจะอธิบาย นอกจากว่า ฉันกับเขาเพิ่งรู้จักกัน และ ฉันก็ไม่ได้คิดกับเขาเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อน”
“ผมไม่ต้องการให้คุณสนิทกับน้องชายผม แม้แต่คำว่าเพื่อน!”
หล่อนเริ่มรู้สึกไม่อยากเจอหน้าเขา ...คำพูดของเขาทำให้หล่อนเสียใจไม่น้อย...แต่หล่อนก็ทำได้เพียงฝืนทนกลั้นความรู้สึกตัดพ้อไว้ในใจ
“ฉันรู้ว่าคุณรังเกียจฉัน งั้นก็บอกน้องชายคุณด้วยนะคะ ว่ามายุ่งกับฉัน”
“ผมบอกแน่นอน”
หล่อนมองนาฬิกาข้อมือใกล้เวลาที่ต้องเดินทางไปทำงาน หล่อนตัดสินใจหันหลังให้เขา ไม่ล่ำลา ไม่อยากพูดกับเขาอีก…
“นี่เธอ หยุดก่อน!”
เสียงของใครคนหนึ่งดังมาจากด้านหลัง ภัคธีมาหันมามอง เห็นร่างค่อนข้างอวบของคุณนายอมรเดินมาจากด้านหลัง หล่อนเดินมายืนคู่ กับ ลูกชาย ชาคีลจึงเอ่ยขึ้น
“ผมขอตัวนะครับคุณแม่” คุณนายอมรยิ้มให้กับลูกชายของตัวเอง จากนั้นหล่อนก็เดินไปหาหญิงสาว
“ฉันรู้ว่าเธอรีบไปทำงาน เย็นนี้ฉันมีธุระสำคัญจะคุยด้วย ว่างใช่ไหม”
“ถ้ามีงานเข้ามาฉันก็ไม่ว่างค่ะ” หล่อนตอบตามตรง
“แต่เธอต้องว่าง เพราะเรื่องที่จะคุยวันนี้ ฉันมีค่าตอบแทนให้ด้วย และ คิดว่าเธอคงไม่ปฏิเสธ”
ภัคธีมาอึ้งกับคำตอบของคุณนายอมร แต่ก็เลือกที่จะเงียบดีกว่า... คุณนายอมรเองก็จบบทสนทนาเพื่อให้หล่อนได้ไปทำงานก่อน
“หวังว่าวันนี้หลังเลิกงานแล้ว ฉันจะเจอเธอ”
อยากรู้เหมือนกันว่า คุณนายอมรจะคุยกับหล่อนเรื่องอะไร?
ภัคธีมามองจนคุณนายอมรเดินลับหายไปในบ้าน...สิ่งที่หญิงสูงวัยพูดนั้นยังค้างคาในใจ... หนำซ้ำเมื่อคิดถึงเจ้าหนี้อย่างเขาที่ไม่พอใจหล่อน วันนี้ความซวยมาเยือนแต่เช้า...หล่อนได้แต่บอกตัวเองให้ลืมสิ่งที่ผู้ชายปากร้ายคนนั้นพูดไว้... จากนั้นก็เดินทางไปทำงานต่อ